วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์

      ความหมายของจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์

              จริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์ หมายถึง หลักศีลธรรมจรรยาที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ หรือควบคุมการใช้
    ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ในทางปฏิบัติแล้วการระบุว่าการกระทำสิ่งใดผิดจริยธรรมนั้น อาจกล่าวได้ไม่ชัดเจนมากนัก
    ทั้งนี้ ย่อมขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของสังคมในแต่ละประเทศด้วย

              ปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากคอมพิวเตอร์
    มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูล ประมวลผลสารสนเทศ และเป็นเครื่องมือการสื่อสารที่รวดเร็ว ส่งผลให้การดำเนินกิจกรรม
    ต่าง ๆ ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน โรงเรียน และหน่วยงานงานธุรกิจมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใน 2-3 ปีข้างหน้าความก้าวหน้า
    ด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ จะมีการพัฒนาในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การสื่อสาร เครือข่ายไร้สาย
    และเครือข่ายเคลื่อนที่ ตลอดจนเทคโนโลยีหุ่น

              มนุษย์ได้คิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้นำอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีเหล่านั้นมาช่วยอำนวย
    ความสะดวก ลดขั้นตอนการทำงาน ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต หรือแม้แต่การช่วยชีวิตมนุษย์ เช่น การใช้หุ่นยนต์ในการเก็บกู้ระเบิด
    และการผ่าตัดรักษาโรค

              ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะมีประโยชน์มากมายเพียงใดก็ตาม หากพิจารณาอีกด้านหนึ่งแล้ว คอมพิวเตอร์ก็อาจ
    จะเป็นภัยได้เช่นกัน หากผู้ใช้ไม่ระมัดระวังหรือนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น ในการการใช้งานคอมพิวเตอร์ร่วมกันในสังคม
    ในแต่ละประเทศจึงได้มีการกำหนดระเบียบ กฎเกณฑ์ รวมถึงกฎหมายที่ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดจริยธรรม
    ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การกระทำที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม เช่น

              1. การใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่นให้เกิดความเสียหาย หรือก่อให้เกิดความรำราญ

              2. การใช้คอมพิวเตอร์ในการขโมยข้อมูล

              3. การเข้าถึงข้อมูลหรือคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต

              4. การละเมิดลิขสิทธิ์

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

            HP slate 2
  ผ่านมานั้นหากพูดถึงแท็บเล็ตจากทาง HP หลายๆ คนอาจจะนึกถึง TouchPad ที่ในตอนนี้ได้ตายไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว HP ก็ยังมีแท็บเล็ตอีกตัวก็คือ Slate 500 ที่ใช้เป็นระบบปฏิบัติการ Windows 7

ที่ล่าสุดทาง HP ได้ทำการปล่อยของมาเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว กับ HP Slate 2 ที่หลักๆ แล้วได้รับการปรังปรุงในส่วนของสเปกภายในเป็น Intel Atom Z670 รวมไปถึงยังได้เพิ่มความจุเป็น SSD ขนาด 64GB mSATA เพิ่มแบตเตอรี่เป็น 6 ชั่วโมง และที่สำคัญยังเพิ่มในส่วนของคีย์บอร์ด Swype เข้ามา
สำหรับสเปกเดิมๆ คือเป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 8.9 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 600 พิกเซล มาพร้อมกับกล้องด้านหลังความละเอียด 3 ล้านพิกเซล และติดตั้ง Windows 7 มาในตัว สนนราคาก็อยู่ที่ 699 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 21,000 บาท) โดยจะพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในพฤศจิกายนนี้ ที่ถึงแม้ว่าทาง HP จะไม่ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า Slate 2 จะรองรับ Windows 8 ในอนาคต แต่ก็คาดการณ์ได้ว่าน่าจะรองรับการทำงานอย่างแน่นอน

เชื่อว่าในการที่ HP ปล่อยแท็บเล็ตที่เป็น Windows ออกมาอีก แสดงว่ายังมีีความหวังกับแท็บเล็ตที่จะรองรับ Windows 8 ในอนาคต ต่างจาก TouchPad ที่ได้เคยทำพลาดและตายจากไปแล้วครับ :D
ขึ้นชื่อว่า Panasonic ถ้าให้นึกถึงก็คงเป็นโน้ตบุ๊ก Toughbook สุดแกร่ง แต่มาในตอนนี้คงต้องเพิ่มความคิดเป็นแท็บเล็ตสุดแกร่งด้วยซะแล้ว กับการที่ Panasonic  นำเสนอ Toughpad A1 และ B1 แท็บเล็ต Android Honeycomb  จำนวน 2 รุ่นด้วยกัน
เริ่มจากรุ่น Toughpad A1 จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 10 นิ้วแบบ Anti-Glare ความละเอียดหน้าจอที่  1,024 x 768 พิกเซล สัดส่วนเดียวกับ iPad คือ 4:3 หน่วยประมวลผลเป็น Marvell dual-core ความเร็ว 1.2GHz มีหน่วยความจำภายในมาให้ 16GB และแรมขนาด 1GB นอกเหนือจากนั้นยังมีการติดตั้งกล้องด้านหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องด้านหน้าความละเอียด 2 ล้านเอาไว้อีกด้วย
ในส่วนของน้ำหนักอยู่ที่ 960 กรัม เรียกได้ว่าน้ำกว่าแท็บเล็ตทั่วไปพอสมควร ที่น่าจะมาจากวัสดุพิเศษที่เลือกมาเป็นส่วนประกอบเพื่อเสริมความแข็งแรง เพื่อป้องกันการกระแทก กันน้ำและกันฝุ่นละอองแบบที่แท็บเล็ตอื่นๆ ไม่สามารถให้ได้ อีกทั้งยังสามารถใช้งานต่อเนื่องยาวนานได้ถึง 10 ชั่วโมงด้วย สนนราคาก็อยู่ที่ 1,299 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยได้ประมาณ 39,000 บาท เรียกได้ว่าราคาสูงเอาเรื่องอยู่ที่เดียว เมื่อเทียบกับแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ ในตลาด
 
สำหรับรุ่น Toughpad B1 จะเป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว ที่ทราบแต่เพียงว่าป้องกันการกระแทก กันน้ำและฝุ่นละอองเหมือนกัน แถมยังมีสายรัดมือซะด้วย ส่วนข้อมูลอื่นๆ ยังไม่ได้รับการเปิดเผยแต่อย่างใด ว่าแล้วก็ชวนชมวีดีโอโปรโมตจาก Panasonic ที่แอบกันแท็บเล็ตคู่แข่งนิดๆ หน่อยๆ ครับ :D
 

พร้อมเผยรายละเอียดเต็มๆ แล้วนะครับ กับแท็บเล็ต Android – Asus Transformer Prime ที่ถือได้ว่าเป็นตัวแรกที่ใช้ชิปประมวลผล NVIDIA Tegra 3 ที่เป็นแบบ 4 แกนตัวแรกของโลก มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 10.1 นิ้ว ขนาดความบางของตัวเครื่อง 8.3 ม.ม. เพียง 586 กรัมเท่านั้น (บางและเบากว่า Tab 10.1 เล็กน้อย) ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมหรูหราสวยงาม จัดได้มาว่าแนวเดียวกับ Ultrabook อย่าง Zenbook

ด้านการเชื่อมต่อครบครันทั้งพอร์ต mini-HDMI output และช่องต่อหน่วยความจำภายนอก microSD แน่นอนว่าจะมาพร้อมกับ Android เวอร์ชั่นล่าสุดอย่าง Ice Cream Sandwich ที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้
 
สเปกอื่นๆ มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียด 1280 x 800 พิกเซล ใช้พาเนลคุณภาพสูงพิเศษอย่าง Super IPS+ ที่ให้สีสันที่สมจริงเป็นที่สุดรวมไปถึงให้มุมมองการรับชมที่กว้าง 178 องศา ส่วนความสว่างสูงสุดได้ถึง 600 nits อีกทั้งยังเลือกใช้กระจกแบบ Gorilla Glass ที่ป้องกันรอยขีดขวนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย มีแรมติดตั้งมาภายในความจุ 1GB ด้สนเซ็นเซอร์ต่างๆ ก็มีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น GPS และ Gyroscope พร้อมระบบเสียงระดับสูง SonicMaster
ในด้านของกล้องเรียกได้ว่าจัดเต็มไม่แพ้สมาร์ทโฟนเลยทีเดียวกับกล้องด้านหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ auto-focus และรูรับแสงขนาดใหญ่ 2.4 ใช้เซ็นเซอร์ CMOS แบบ Back-illuminated เช่นเดียวกับ iPhone 4S อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพวีดีโอที่ความละเอียด 1080p กับใช้งาน Touch-to-focus ได้อีกด้วย ส่วนการใช้งานแบตเตอรี่ของ Transformer Prime ทาง Asus บอกข้อมูลมาว่าสามารถได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมงด้วยกัน
สำหรับ  keyboard  docking ยังมีการติดตั้งทัชแพดเหมือนเดิม พร้อมพอร์ต USB 2.0 แป้นคีย์บอร์ดแบบ full-size และช่อง SD Card มาให้อีกด้วย ซึ่งถ้าเมืื่อต่อเข้ากับตัว Asus Transformer Prime จะใช้งานได้ยาวนานถึง 18 ช.ม. เรียกได้ว่ามากกว่าไม่ต่อ keyboard  docking ถึง 6 ช.ม.
โดย Asus Transformer Prime มีให้เลือก 2 สี และแบ่งออกเป็น 2 รุ่นตามขนาดความจุด้วยกัน คือ 32GB ราคา 499 เหรียญสหรัฐ (15,000 บาท) และ 64GB ราคา 599 เหรียญ สหรัฐ (18,000 บาท) ส่วน keyboard  docking ได้มีการขายแยกต่างหากในราคาเพียง 149 เหรียญสหรัฐ (4,500 บาท)

ใครสนใจก็เก็บตังค์รอถอยได้เลยครับ โดยส่วนของผมจัดได้ว่าเป็นแท็บเล็ต Android ตัวหนึ่งที่น่าเล่นมากๆ ทีเดียว ดูได้จากสเปกและดีไซน์การออกแบบ รวมไปถึงซอฟต์แวร์ครับ :D